Oba Kalla - ลวดลายสลักเกริ่นความศักดิ์สิทธิ์ด้วยสีสันแห่งธรรมชาติ

 Oba Kalla - ลวดลายสลักเกริ่นความศักดิ์สิทธิ์ด้วยสีสันแห่งธรรมชาติ

หากเราจะพูดถึงศิลปะในสมัยโบราณของเอธิโอเปีย ศudayaanอัคซุม (Axumite) ย่อมเป็นชื่อที่หลีกไม่พ้น ช่วงศตวรรษที่ 7 เป็นยุคทองของอารยธรรมนี้ และศิลปินผู้มากความสามารถก็เบ่งบานเช่นเดียวกับดอกหงอนไก่ที่ระลึกรำพันถึงพระอาทิตย์ขึ้น

ในหมู่ศิลปินเหล่านี้ “Worku” ผู้ออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานฝีมือชั้นเลิศหลายชิ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “Oba Kalla”

“Oba Kalla” แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ประตูแห่งความรุ่งโรจน์” เป็นโบราณสถานที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใน Axum ผลงานชิ้นนี้เป็นเสมือนประตูสู่โลกแห่งความศักดิ์สิทธิ์และอำนาจอันยิ่งใหญ่

“Oba Kalla" - สถาปัตยกรรมแห่งพลัง และการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์

“Oba Kalla” เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นด้วยหินทรายสีแดงอ่อน มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร และสูงถึง 7 เมตร

ภายในโบราณสถาน “Oba Kalla” ประดับด้วยลวดลายแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง แสดงภาพบุคคลสำคัญในศาสนาคริสต์ รวมถึงฉากจากพระคัมภีร์ไบเบิล

งานแกะสลักเหล่านี้มีความงดงามและละเอียดอ่อนอย่างเหลือเชื่อ แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและฝีมือของ “Worku” ผู้เป็นช่างแกะสลักที่มีฝีมืออันยอดเยี่ยม

นอกจากลวดลายแกะสลักแล้ว “Oba Kalla” ยังโดดเด่นด้วยการใช้สีสันตามธรรมชาติ

ช่างศิลป์ได้ผสมผสานสีจากดิน เถ้า และพืชต่างๆ เพื่อสร้างเฉดสีที่อ่อนโยนและกลมกลืนกับหินทราย

ความหมายเชิงสัญลักษณ์ใน “Oba Kalla”

การออกแบบและตกแต่ง “Oba Kalla” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่อยู่บนพื้นฐานของความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรมของชาว Axumite ในสมัยนั้น

ประตูที่สูงตระหง่านของ “Oba Kalla” 象徵ถึงเส้นทางสู่สวรรค์

ลวดลายแกะสลักของพระเยซูและเหล่าทูตสวรรค์ บ่งบอกถึงความศรัทธาในพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง

การใช้สีตามธรรมชาติสะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับโลกธรรมชาติ

รายละเอียด คำอธิบาย
วัสดุ หินทรายสีแดงอ่อน
ขนาด กว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร สูง 7 เมตร
ลวดลายแกะสลัก ภาพบุคคลสำคัญในศาสนาคริสต์ ฉากจากพระคัมภีร์ไบเบิล

สีที่อ่อนโยนและกลมกลืนกับหินทราย สื่อถึงความสงบสุขและความสมดุล

“Oba Kalla” ไม่เพียงแต่เป็นอนุสรณ์สถานเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของศรัทธา ความศักดิ์สิทธิ์ และความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ผลงานชิ้นนี้ยืนยันถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของ “Worku”

และแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปะและวัฒนธรรมของชาว Axumite ในสมัยโบราณ